เพลีย!! ป่วยวันละโรค

เป็นเรื่องของแม่แฟนเก่าเราค่ะ สงสัยเคยทำกรรมร่วมกันมา ชาตินี้เราจึงต้องเกิดมาชดใช้กรรมให้แก

วันก่อนเราจามชิ้วๆ 2-3 ที เริ่มมีอาการเจ็บคอ ก็พี่ที่ทำงานเล่นไอมันทั้งวัน ไอไม่มีการปิดปาก ต่อให้เป็นหญิงเหล็กแค่ไหน ห้องเท่ารูหนูก็รับเชื้อโรคเข้าไปเต็มๆ แหละค่ะ

พอตอนเย็นเลิกงาน รู้สึกไม่ค่อยดีเลย กลับถึงบ้านไข้ขึ้นทันที เริ่มคิดในใจว่า ซวยแล้ว พรุ่งนี้รับปากว่าจะพาคุณแม่แกไปหาหมอที่โรงพยาบาล แล้วจะไปไหวไหมนี่  แต่คิดว่าเราเองเป็นหญิงเหล็กนอนหลับสักตื่นคงจะดีขึ้น แต่ที่ไหนได้ อาการไข้ตัวร้อน ปวดหัว เล่นงานซะไม่ได้นอนเลย ตี 4 ครึ่ง ก็จำต้องลุกลากสังขารออกไปอาบน้ำ เพื่อพาคุณแม่ไปโรงพยาบาลตามที่สัญญาไว้

ไปถึง รพ.พระมงกุฎฯ ยังไม่ 7 โมงเลยค่ะ ก็ส่งไปที่ห้องตรวจเลือด ตรวจอุจจาระ รอผลอีก 2 ชั่วโมง นึกสภาพตัวเองก็จะเอาตัวไม่รอดแล้ว เป็นเตี้ยอุ้มค่อมซะจริงเลย  เราไม่เข้าใจค่ะ ทำไมทาง รพ. จะต้องให้พาญาติไปด้วย พอไปไม่เห็นจะได้ทำอะไรเลย ก็เดินไปส่ง นั่งๆ รอๆ

ย้อนอดีตไปวันก่อนหน้า
ตอนแรกแกโทรมาหาเรา (วันที่ 1) บอกว่าโทรศัพท์ไม่มีเสียง เราก็เลยบอกว่าเดี๋ยวเลิกงานจะไปทำให้ พอไปทำปุ๊บแกก็เริ่มพูดๆๆ เนี่ย...เค้าบอกแม่ว่า ห้ามไปคนเดียวนะ ให้พาญาติไปด้วย ทำไงอ่ะ จะพาใครไป..จะทำไงอ่ะ จะพาใครไป..ๆๆๆ พูดซ้ำๆๆๆ จนเราต้องเอ่ยปากว่าเดี๋ยวลางานไปเป็นเพื่อนก็ได้

พอวันรุ่งขึ้น (วันที่ 2) โทรมาตั้งแต่ 9 โมงเช้าเลย...
คุณแม่ - ตาแม่เป็นอะไรไม่รู้ เป็นอะไรหรือเปล่าอ่ะ ตื่นขึ้นมาแล้วตามัวๆ มองไม่ค่อยเห็น  
เรา – แม่อยู่ไหนคะ
คุณแม่ – ตอนนี้อยู่บิ๊กซี ออกมาซื้อไดร์ พอดีไดร์เสีย
เรา – แม่นั่งแท็กซี่ไปโรงพยาบาลเลยค่ะ ไปโรงพยาบาลทหารเรือก็ได้ใกล้ๆ
คุณแม่ – ไปยังไงอ่ะ จะให้ไปคนเดียวเหรอ
เรา - @<#$#@$# (โอ๊ย...ออกมาบิ๊กซีคนเดียวยังมาได้เลย นึกในใจจะให้ลางานอีกแล้วเหรอ)

วันถัดมา (วันที่ 3)
คุณแม่ – แม่เป็นอะไรอ่ะ พอตื่นขึ้นมาแขนขาชาไปหมด ขยับไม่ได้เลย
เรา -  .........(ไม่รู้จะตอบอะไร ไม่ใช่หมอ)

เช้าวันนี้
คุณแม่ – วันนี้ขรี้เยอะเลย เหมือนขรี้มันสากๆ สงสัยเป็นเพราะอาหารไม่ย่อย
เรา – ...(นึกในใจ เรื่องแบบนี้ไม่ต้องเล่าได้มะ)

ต่อ..วันที่ไปที่โรงพยาบาลค่ะ เรารู้สึกเพลียกับพฤติกรรมของแกมากเลย เห็นกระทู้หนึ่งที่เรียกมนุษย์ป้าแล้วก็เหมาะกับแกมาก...
ระหว่างรอคิวอยู่ มีพี่พยาบาลเดินมาแจ้งว่า ผลตรวจเลือดมาแล้ว แต่ให้รอผลตรวจอุจจาระก่อน แกก็ลุกไปกระซิบกระซาบกับพยาบาลทำนองว่าจะให้ช่วยเร่งให้ขอแซงคิว ประมาณนั้น

ระหว่างนั้นแกก็นั่งเล่าเรื่องที่แกไปเล่นที่บ่อนมา แกพูดๆๆๆๆ ไม่ยอมหยุดจนเราไม่รู้ว่าแกเอาแรงที่ไหนมาพูด เราก็ไม่สบายอยู่ ตอนนั้นบ่องตงไม่มีอารมณ์ฟังอะไร

แกก็นั่งถามอยู่นั่นแหละ กี่โมงแล้ว เค้าบอก 2 ชั่วโมง เราก็เลยบอกว่า เค้าบอกให้รอผลตรวจอุจจาระ เดี๋ยวถ้าผลมาเค้าก็มาเรียกเองแหละ

อยู่ๆ แกก็ลุกเดินหายไป ผ่านไปนานมาก เราไม่เห็นแกกลับมา ก็เลยลุกตามไปดูว่าแกไปไหน เรายืนมองอยู่นอกห้องก็เห็นแกไปยืนกดดันเจ้าหน้าที่ ต้องใช้คำว่ากดดันเลยนะคะ เพราะว่าเราเห็น จนท.ผายมือไปที่เก้าอี้เชิงบอกให้แกไปนั่ง แต่แกก็ไม่ยอมนั่ง ยืนกดดันอยู่ตรงโต๊ะ จนท. ท่านนั้นแหละ พอโดนบอกให้ไปนั่งบ่อยๆ แกก็ลงไปนั่งที สัก2-3 นาที แกก็ลุกขึ้นมายืนกดดันใหม่ เราเห็นแล้วเครียดแทน จนท. คนนั้น

พอได้คิวก่อนจะเข้าห้องตรวจ แกก็บอกเราว่าเข้าไปด้วยนะ จะได้ช่วยฟัง เราก็เลยเดินไปถาม จนท. ว่า ญาติเข้าไปห้องตรวจได้หรือเปล่า พอ จนท.บอกว่าได้เราก็เลยเข้าไปด้วย  คุณหมอ (หน้าตาน่ารักมากค่ะ) ถามว่าเป็นอะไรกัน ลูกสาวเหรอ คุณแม่ตอบว่าอะไรรู้มั้ยค่ะ “เพื่อนบ้านกัน” เราอยากจะเอาหัวโขกกำแพงตายวันละหลายรอบเลย

คุณหมอก็เชิญเราออกจากห้องค่ะ ตามที่เราคิดเป๊ะ เพราะคุณเธอดันไปตอบว่าเพื่อนบ้านกัน ..เพลียอีกรอบ

สักพักแกก็เดินออกมาตามเราเข้าไปใหม่ แกเล่าให้ฟังทีหลังว่าแกถามหมอว่า ฟังไม่ได้เหรอ เขาเป็นหลานสาวให้มาช่วยฟัง    คุณหมอก็บ่นนิดๆ ว่าตอนแรกเห็นบอกเป็นเพื่อนบ้าน ก็เลยให้ออกมาตามกลับเข้าไป

ตอนเราเข้าไปคุณหมอเค้าคงมีงานติดพันอยู่ ยังไม่ทันได้ลงมือตรวจคุณแม่ เธอก็เริ่มบ่นงุ๊งงิ๊ง  “ออกมาตั้งแต่ตี 5” “คุณหมอดูของป้าก่อนไม่ได้เหรอคะ” “เนี่ย..หลานเค้าลางานมา เดี๋ยวเค้าจะกลับไปทำงานไม่ทัน” โอ๊ย...เราจะบ้า

หลังออกจากแผนกตรวจโรงผิวหนังแล้ว แกก็ต้องไปตรวจต่อที่อายุรกรรม แผนกนี้หมอเค้าไม่ให้ญาติเข้าไปด้วย ผ่านไปสักครึ่งชั่วโมงแกก็ออกมาบอกว่า หมอให้ไปอัลตราซาวน์และตรวจภายในดูมดลูก

พอเราพาไปถึงแผนกรังสี จนท. เค้าก็บอกได้คิวอัลตาซาวน์ประมาณเดือน ต.ค. แกก็เริ่มเถียงกับ จนท. บอกว่าเนี่ยหมอบอกให้มาอัลตราซาวน์เดี๋ยวนี้ จนท. ก็บอกไม่ใช่ คุณหมอเขียนว่า “ขอนัด” เราก็เห็นค่ะว่าคุณหมอเขียนว่าขอนัดจริงๆ เราก็เลยบอกว่าไปอัลตราซาวน์ที่อื่นแล้วเอาผลมาได้มั้ย จนท. เค้าบอกว่าได้ ก็เลยไปติดต่อเรื่องตรวจภายใน แต่ จนท.ก็บอกว่าอาจจะไม่ได้ตรวจเลยนะ ต้องนัดก่อน

เราก็เลยถาม จนท. ว่าเราจะขอประวัติเพื่อไปรักษาต่อที่ รพ.อื่น จนท. ก็ดีมากค่ะ ให้ความช่วยเหลือดีมาก หลังจากได้สำเนาประวัติมาแล้ว แกก็บอกแกจะเอาฟิล์ม x-ray ด้วย เราก็บอกว่าตรงนี้เป็นทะเบียน ไม่น่าจะมีฟิล์ม แกก็เถียงเราว่าทำไมจะไม่มี แล้วก็เดินไปถาม พอเจ้าหน้าที่ตอบว่าไม่มีต้องไปขอที่แผนกรังสี แกออกอาการเลย ตะโกนคำว่า “ชุ่ย” เสียงดัง จนเราอาย จนท. เลย ไม่รู้เค้าได้ยินหรือเปล่า

พอไปถึงแผนกรังสี แกก็เหมือนเดิมค่ะ จนท.บอกให้นั่งไม่ยอมนั่ง ยืนกดดันต่อไป เราละเครียดแทน ต้องขอชมเชย จนท. รพ.ค่ะว่าความอดทนเป็นเลิศจริงๆ

หมอนัดครั้งต่อไปวันที่ 18 ก.ค. ซึ่งเราคงไม่สะดวกลางานพาแกไปหาหมอทุกครั้ง เราเลยให้แกไปรักษาต่อที่พิษณุโลก เพราะลูกสาวแกอยู่นั่น ลูกสาวก็ใจดำเหลือเกิน รู้ทุกครั้งที่แม่ไป รพ. แต่ไม่เคยแม้แต่จะโทรมาถามไถ่อาการ

สรุปแล้วคนที่อ่วมคือเรา กลับมาถึงบ้านนอนสลบเหมือนคนตาย  กินอะไรไม่ลง ตื่นขึ้นมาก็อาเจียนๆๆ จนหมดไส้หมดพุง ไม่สบายมันทรมานแบบนี้นี่เอง เฮ้อ..ทรมานจริงๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่